วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Proxy Server คืออะไร
ในการเรียกใช้ข้อมูลผ่านระบบ World Wide Web (WWW) โดยปกติ ข้อมูลจะถูกเรียกมาจากเครื่องแม่ข่ายที่ให้บริการโดยตรง ซึ่งจะพบว่า เมื่อมีผู้ใช้หลายๆ ราย เรียกใช้ข้อมูลเดียวกัน ข้อมูลจะถูกส่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาให้กับผู้ใช้แต่ละราย โดยเป็นข้อมูลที่ซ้ำๆ กัน อันจะทำให้สิ้นเปลืองทั้งเวลาที่ผู้ใช้ทุกคนจะต้องรอคอยการเรียกข้อมูลดังกล่าวเป็นเวลานาน และยังเป็นการใช้งานช่องสื่อสาร (bandwidth) ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด และมีราคาแพงมาก ไปโดยเปล่าประโยชน์
Proxy Server คือ การนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งเพื่อให้บริการแก่กลุ่มผู้ใช้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน และกำหนดให้ผู้ใช้ทุกคนเรียกใช้ข้อมูล WWW ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์นี้ โดยเครื่องดังกล่าวจะมีการติดตั้งโปรแกรมเพื่อทำหน้าที่เรียกข้อมูล WWW มาให้บริการแก่ผู้ใช้ และจัดเก็บข้อมูลที่เคยถูกเรียกนั้นไว้ ในเครื่อง เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ข้อมูลนั้นซ้ำ ได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเรียกข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลภายนอกมาใหม่ ซึ่งเทคนิคดังกล่าว จะทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ข้อมูลที่(ส่วนใหญ่)เคยมีผู้เรียกใช้มาก่อนได้รวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาไปเรียกข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอกมาใหม่ อันจะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ขั้นตอนการทำงานของ Proxy Server เมื่อผู้ใช้ติดต่อ WWW ผ่าน Proxy Server เครื่องจะทำการตรวจสอบก่อน ว่ามีข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการอยู่ในเครื่องอยู่แล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่มีก็จะไปเรียกข้อมูลมาให้ใหม่ และจัดเก็บไว้ในเครื่องเพื่อคอยให้บริการแก่ผู้ใช้ครั้งต่อไป ถ้าพบว่ามี จะทำการตรวจสอบว่าข้อมูลที่มีอยู่กับแหล่งข้อมูลที่ต้องการ ว่ามีความทันสมัยตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกันจะทำการส่งข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่องไปให้ผู้ใช้ทันที แต่ถ้าไม่ตรงกัน Proxy จะไปดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลมาให้ใหม่
7 ข้อปฎิบัติในการดูแลรักษา Notebook ขั้นพื้นฐาน
7 ข้อปฏิบัติในการดูแล Notebook ของคุณคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้งานโน๊ตบุ้กเริ่มมีบทบาทสำคัญในการทำงานในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าราคาโน๊ตบุ้กในปัจจุบันจะมีราคาไม่สูงเท่าสมัยก่อน จนทุกท่านสามารถหาซื้อเป็นเจ้าของได้ไม่ยากนัก แต่ทุกท่านก็คงอยากจะรักษาโน๊ตบุ้กของตัวเองให้สามารถใช้งานได้ดีให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุนของคุณมากที่สุด ซึ่งโดยปกติโน๊ตบุ้กจะมีอายุการใช้ระหว่าง 3 –5 ปีการดูแลรักษาโน๊ตบุ้กก็คล้ายๆกับการดูแลรักษาสุขภาพของเรา ซึ่งจะต้องมีแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง และปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ โดยในที่นี้ผมจะขอแนะนำข้อควรปฏิบัติเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับโน๊ตบุ้กสุดรักของคุณเป็นข้อๆจำนวน 7 ข้อดังต่อไปนี้
1. ระบายความร้อนใต้เครื่องให้ดี
ความร้อนสะสมภายในเครื่องเป็นศัตรูตัวฉกาจของโน๊ตบุ้ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร้อนบริเวณใต้
เครื่อง ให้หลีกเลี่ยงการใช้งานโน๊ตบุ้กบนเตียงหรือบนเบาะนุ่มๆอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นจะเป็นการตัดระบบการระบายความร้อนใต้เครื่องอย่างสิ้นเชิง
2. อย่าเพิ่งปิดฝาเลยทันทีที่เลิกใช้
ถึงแม้คุณจะได้ปฏิบัติตามข้อที่หนึ่งที่ช่วยลดความร้อนสะสมในตัวเครื่อง ในระหว่างที่ใช้งานไปแล้วการระบายความร้อนในช่วงที่ปิดเครื่องใหม่ๆก็มีความสำคัญเช่นกัน การปิดฝาเครื่องทันทีที่เลิกใช้จะทำให้ความร้อนที่เกิดระหว่างที่เปิด ใช้งานสะสมอยู่ในเครื่องนานกว่าที่ควรจะเป็นเพราะตัวมีเวลาไม่พอที่จะคลายความร้อนทั้งหมดออกมา ดังนั้นผมจึงขอแนะนำว่าหลังจากที่คุณใช้งานเสร็จ ให้คุณดึงปลั้กหม้อแปลงชาร์ตไฟออกตามปกติ แต่เปิดฝาเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 3 – 5 นาที เพื่อให้เครื่องมีเวลาในการระบายความร้อน ในช่วงที่เปิดใช้งานให้หมดก่อน จากนั้นจึงค่อยปิดฝาเครื่องเพื่อป้องกัน
ฝุ่นละอองต่างๆลงบนเครื่อง
3. ห้ามถอดแบตเตอรี่อย่างเด็ดขาด
หลายๆท่านคงเคยได้ยินคนบอกว่า ควรถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องในระหว่างที่ใช้อยู่ในบ้าน เพื่อเป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แต่ผมขอบอกว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดมากๆ จริงอยู่การทำ
เช่นนั้นจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวขึ้น แต่นั่นก็เป็นการทำให้อายุการใช้งานของเครื่อง
โดยรวมสั้นลงเช่นกัน เพราะเมื่อมีเหตุการณ์ไฟตกหรือไฟดับ ตัวเครื่องก็จะหยุดการทำงานในทันที
โดยไม่มีการปิดเครื่องอย่างถูกต้องซึ่งนอกจากจะทำให้คุณสูญเสียงานที่กำลังทำอยู่แล้วยังเป็นอันตราย
ต่อชิ้นส่วนอย่างฮาร์ดดิสก์ในระยะยาวเป็นอย่างมาก ผมจึงขอแนะนำให้ห้ายถอดแบตเตอรี่อยู่เป็น
ประจำอย่างเด็ดขาด และเสียบใช้ไฟผ่านหม้อแปลงทุกครั้งที่มีโอกาสใช้ไฟจากปลั้ก
4. การเสียบแจ๊ตชาร์ตจากหม้อแปลงไฟฟ้าให้ถูกต้อง
บางท่านอ่านที่หัวข้อแล้วจะงงๆว่าการเสียบแจ๊ตชาร์ตไฟมีวิธีที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องด้วยหรือ ผมบอก
ได้เลยว่ามี และถ้าไม่ระวังให้ดีจะมีผลให้ไฟช๊อตเมนบอร์ดของเครื่องได้ด้วย ซึ่งคงจะไม่ได้ทำให้
เสียในทันที แต่จะมีผลในระยะยาวอย่างแน่นอน ไฟซ๊อตจะเกิดขึ้นตอนที่คุณเสียบแจ๊ตเนี่ยล่ะครับ คุณ
เคยสังเกตตอนที่คุณเสียบแจ๊ตชาร์ตไฟ กับตัวเครื่องมั้ยครับว่า บางครั้งจะเกิดประกายไฟขึ้นตอนที่
เสียบ นั่นเป็นเพราะคุณเสียบ ไม่ถูกต้องนั้นเอง วิธีที่ถูกต้องคือตอนเปิดใช้ให้เสียบแจ๊ตที่ชาร์ตไฟจากหม้อแปลง ไฟฟ้าที่เครื่องก่อนแล้วค่อยเสียบปลั้กและตอนเลิกใช้ให้ถอดปลั้กไฟและรอให้ไฟที่ตัวหม้อแปลงไฟฟ้าดับก่อนแล้ว ค่อยถอดแจ๊ตออกจากตัวเครื่อง ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ตัดโอกาสไฟช๊อตอันเกิดจากประกายไฟตอนที่เสียบหรือถอดแจ๊ตได้อย่างเด็ดขาด
5. ก่อนเคลื่อนย้ายให้ปิดฝาเครื่องก่อน
ปัญหาบานพับโน้ตบุ้กหักเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้โน๊ตบุ้กต้องปวดหัวกันมาก ส่วนใหญ่จะโทษบริษัทผู้ผลิตที่ใช้วัสดุไม่ดี หรือออกแบบมาไม่ดีพอ แต่จริงๆแล้วปัญหาบานพับหักนี้มักจะเกิดจากการใช้งานไม่ถูกต้องเองมากกว่า เช่น การเปิดฝากหน้าจอไว้ในขณะยกเคลื่อนย้าย, การใช้มือเปล่าถือเครื่องไปโดยไม่ได้ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยก่อน เป็นต้น ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ข้อต่อบานพับมีการขยับเขยือนมากกว่าที่ควรจะเป็น และเมื่อนานวันเข้าก็จะเริ่มแตกร้าวและหักได้ในที่สุด คุณสามารถป้องกันได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ด้วยการปิดฝาเครื่องทุกครั้งก่อนที่จะยกเคลื่อนย้าย และหากต้องเคลื่อนย้ายไปไกลๆก็แนะนำให้เก็บเครื่องใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยก่อน จะเป็นการป้องกันการแตกหักของบานพับได้ดีที่สุด
6. ใช้งานช่องพอร์ต USB และ PCMCIA ในเครื่องเท่าที่จำเป็น
ปกติการใช้งานช่องพอร์ต USB และ PCMCIA สำหรับการใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น USB Drive, TV Tuner Card, Wireless Network Card หรือ FireWire Card จะทำให้ซีพียูต้องทำงานมากกว่าปกติ และเมื่อซีพียูมีการทำงานมากขึ้น ความร้อนที่เกิดจากการทำงานของซีพียูที่มากขึ้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ความร้อนที่เกิดจากอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ยังทำให้ความร้อนสะสมภายในเครื่องเพิ่มสูงขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งความร้อนสะสมที่มากกว่าปกติจะมีผลโดยตรงทำให้อายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆในเครื่องสั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น ผมจึงขอแนะนำให้ใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างเท่าที่จำเป็น ดึงออกทันทีที่ใช้เสร็จ และหลีกเลี่ยงการเสียบทิ้งไว้ตลอดเวลาที่เปิดเครื่องใช้งาน
7. อย่าทิ้งแผ่นซีดี/ดีวีดีไว้ในเครื่องอย่างเด็ดขาด
ผมเชื่อว่าคงมีหลายๆท่านที่ชอบเผลอลืมใส่แผ่นซีดี/ดีวีดีทิ้งไว้ในเครื่อง โดยไม่รู้ตัวว่านั่นเป็นการทำ
ให้ไดร์ฟซีดี/ดีวีดีต้องทำงานมากกว่าปกติ เพราะต้องมีการอ่านข้อมูลทุกเครื่องที่มีการเปิดเครื่องขึ้น
มา และต้องอ่านแผ่นเพิ่มขึ้นในหลายๆครั้งที่คุณเปิด Windows Explorer ซึ่งจะทำให้หัวอ่านของไดร์ฟซีดี/ดีวีดีต้องทำงานมากกว่าปกติ ซึ่งจะมีผลทำให้อายุการใช้งานของไดร์ฟซีดี/ดีวีดีสั้นลง ด้วย
เหตุนี้ผมจึงขอแนะนำให้เอาแผ่นซีดี/ดีวีดีออกจากเครื่องทุกครั้งที่คุณใช้งานจากแผ่นเสร็จ และปฏิบัติ
อย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ
1. ระบายความร้อนใต้เครื่องให้ดี
ความร้อนสะสมภายในเครื่องเป็นศัตรูตัวฉกาจของโน๊ตบุ้ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร้อนบริเวณใต้
เครื่อง ให้หลีกเลี่ยงการใช้งานโน๊ตบุ้กบนเตียงหรือบนเบาะนุ่มๆอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นจะเป็นการตัดระบบการระบายความร้อนใต้เครื่องอย่างสิ้นเชิง
2. อย่าเพิ่งปิดฝาเลยทันทีที่เลิกใช้
ถึงแม้คุณจะได้ปฏิบัติตามข้อที่หนึ่งที่ช่วยลดความร้อนสะสมในตัวเครื่อง ในระหว่างที่ใช้งานไปแล้วการระบายความร้อนในช่วงที่ปิดเครื่องใหม่ๆก็มีความสำคัญเช่นกัน การปิดฝาเครื่องทันทีที่เลิกใช้จะทำให้ความร้อนที่เกิดระหว่างที่เปิด ใช้งานสะสมอยู่ในเครื่องนานกว่าที่ควรจะเป็นเพราะตัวมีเวลาไม่พอที่จะคลายความร้อนทั้งหมดออกมา ดังนั้นผมจึงขอแนะนำว่าหลังจากที่คุณใช้งานเสร็จ ให้คุณดึงปลั้กหม้อแปลงชาร์ตไฟออกตามปกติ แต่เปิดฝาเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 3 – 5 นาที เพื่อให้เครื่องมีเวลาในการระบายความร้อน ในช่วงที่เปิดใช้งานให้หมดก่อน จากนั้นจึงค่อยปิดฝาเครื่องเพื่อป้องกัน
ฝุ่นละอองต่างๆลงบนเครื่อง
3. ห้ามถอดแบตเตอรี่อย่างเด็ดขาด
หลายๆท่านคงเคยได้ยินคนบอกว่า ควรถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องในระหว่างที่ใช้อยู่ในบ้าน เพื่อเป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แต่ผมขอบอกว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดมากๆ จริงอยู่การทำ
เช่นนั้นจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวขึ้น แต่นั่นก็เป็นการทำให้อายุการใช้งานของเครื่อง
โดยรวมสั้นลงเช่นกัน เพราะเมื่อมีเหตุการณ์ไฟตกหรือไฟดับ ตัวเครื่องก็จะหยุดการทำงานในทันที
โดยไม่มีการปิดเครื่องอย่างถูกต้องซึ่งนอกจากจะทำให้คุณสูญเสียงานที่กำลังทำอยู่แล้วยังเป็นอันตราย
ต่อชิ้นส่วนอย่างฮาร์ดดิสก์ในระยะยาวเป็นอย่างมาก ผมจึงขอแนะนำให้ห้ายถอดแบตเตอรี่อยู่เป็น
ประจำอย่างเด็ดขาด และเสียบใช้ไฟผ่านหม้อแปลงทุกครั้งที่มีโอกาสใช้ไฟจากปลั้ก
4. การเสียบแจ๊ตชาร์ตจากหม้อแปลงไฟฟ้าให้ถูกต้อง
บางท่านอ่านที่หัวข้อแล้วจะงงๆว่าการเสียบแจ๊ตชาร์ตไฟมีวิธีที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องด้วยหรือ ผมบอก
ได้เลยว่ามี และถ้าไม่ระวังให้ดีจะมีผลให้ไฟช๊อตเมนบอร์ดของเครื่องได้ด้วย ซึ่งคงจะไม่ได้ทำให้
เสียในทันที แต่จะมีผลในระยะยาวอย่างแน่นอน ไฟซ๊อตจะเกิดขึ้นตอนที่คุณเสียบแจ๊ตเนี่ยล่ะครับ คุณ
เคยสังเกตตอนที่คุณเสียบแจ๊ตชาร์ตไฟ กับตัวเครื่องมั้ยครับว่า บางครั้งจะเกิดประกายไฟขึ้นตอนที่
เสียบ นั่นเป็นเพราะคุณเสียบ ไม่ถูกต้องนั้นเอง วิธีที่ถูกต้องคือตอนเปิดใช้ให้เสียบแจ๊ตที่ชาร์ตไฟจากหม้อแปลง ไฟฟ้าที่เครื่องก่อนแล้วค่อยเสียบปลั้กและตอนเลิกใช้ให้ถอดปลั้กไฟและรอให้ไฟที่ตัวหม้อแปลงไฟฟ้าดับก่อนแล้ว ค่อยถอดแจ๊ตออกจากตัวเครื่อง ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ตัดโอกาสไฟช๊อตอันเกิดจากประกายไฟตอนที่เสียบหรือถอดแจ๊ตได้อย่างเด็ดขาด
5. ก่อนเคลื่อนย้ายให้ปิดฝาเครื่องก่อน
ปัญหาบานพับโน้ตบุ้กหักเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้โน๊ตบุ้กต้องปวดหัวกันมาก ส่วนใหญ่จะโทษบริษัทผู้ผลิตที่ใช้วัสดุไม่ดี หรือออกแบบมาไม่ดีพอ แต่จริงๆแล้วปัญหาบานพับหักนี้มักจะเกิดจากการใช้งานไม่ถูกต้องเองมากกว่า เช่น การเปิดฝากหน้าจอไว้ในขณะยกเคลื่อนย้าย, การใช้มือเปล่าถือเครื่องไปโดยไม่ได้ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยก่อน เป็นต้น ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ข้อต่อบานพับมีการขยับเขยือนมากกว่าที่ควรจะเป็น และเมื่อนานวันเข้าก็จะเริ่มแตกร้าวและหักได้ในที่สุด คุณสามารถป้องกันได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ด้วยการปิดฝาเครื่องทุกครั้งก่อนที่จะยกเคลื่อนย้าย และหากต้องเคลื่อนย้ายไปไกลๆก็แนะนำให้เก็บเครื่องใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยก่อน จะเป็นการป้องกันการแตกหักของบานพับได้ดีที่สุด
6. ใช้งานช่องพอร์ต USB และ PCMCIA ในเครื่องเท่าที่จำเป็น
ปกติการใช้งานช่องพอร์ต USB และ PCMCIA สำหรับการใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น USB Drive, TV Tuner Card, Wireless Network Card หรือ FireWire Card จะทำให้ซีพียูต้องทำงานมากกว่าปกติ และเมื่อซีพียูมีการทำงานมากขึ้น ความร้อนที่เกิดจากการทำงานของซีพียูที่มากขึ้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ความร้อนที่เกิดจากอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ยังทำให้ความร้อนสะสมภายในเครื่องเพิ่มสูงขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งความร้อนสะสมที่มากกว่าปกติจะมีผลโดยตรงทำให้อายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆในเครื่องสั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น ผมจึงขอแนะนำให้ใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างเท่าที่จำเป็น ดึงออกทันทีที่ใช้เสร็จ และหลีกเลี่ยงการเสียบทิ้งไว้ตลอดเวลาที่เปิดเครื่องใช้งาน
7. อย่าทิ้งแผ่นซีดี/ดีวีดีไว้ในเครื่องอย่างเด็ดขาด
ผมเชื่อว่าคงมีหลายๆท่านที่ชอบเผลอลืมใส่แผ่นซีดี/ดีวีดีทิ้งไว้ในเครื่อง โดยไม่รู้ตัวว่านั่นเป็นการทำ
ให้ไดร์ฟซีดี/ดีวีดีต้องทำงานมากกว่าปกติ เพราะต้องมีการอ่านข้อมูลทุกเครื่องที่มีการเปิดเครื่องขึ้น
มา และต้องอ่านแผ่นเพิ่มขึ้นในหลายๆครั้งที่คุณเปิด Windows Explorer ซึ่งจะทำให้หัวอ่านของไดร์ฟซีดี/ดีวีดีต้องทำงานมากกว่าปกติ ซึ่งจะมีผลทำให้อายุการใช้งานของไดร์ฟซีดี/ดีวีดีสั้นลง ด้วย
เหตุนี้ผมจึงขอแนะนำให้เอาแผ่นซีดี/ดีวีดีออกจากเครื่องทุกครั้งที่คุณใช้งานจากแผ่นเสร็จ และปฏิบัติ
อย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ
วิธีการค้นหาเลข IP และ Mac Address
หลายคนคงเคยเจอปัญหาว่า อยากจะแชร์ไฟล์ หรืออยากแชร์อะไรดีระหว่างเครื่องในเครือข่ายLan แตยังไม่รู้ว่า หาเลขไอพีจากที่ไหน
และหลายคนที่ปล่อยสัญญาไวเลส แต่ถูกข้างบ้านขโมยสัญญาณไปดื้อ แจกรหัสPassword ก็ไม่ช่วยอะไรเพราะนำไปแจกจ่ายกันเล่นได้ สัญญาณเรามีแต่พลอยจะถูกแย่งเล่น และอยากหันมาเป็นวิธี Log Mac Adress แทนเพื่อกรองคนเล่นเฉพาะที่เครื่องที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่ต้องหาMac Addesss จากที่ไหนดี
และหลายคนที่ปล่อยสัญญาไวเลส แต่ถูกข้างบ้านขโมยสัญญาณไปดื้อ แจกรหัสPassword ก็ไม่ช่วยอะไรเพราะนำไปแจกจ่ายกันเล่นได้ สัญญาณเรามีแต่พลอยจะถูกแย่งเล่น และอยากหันมาเป็นวิธี Log Mac Adress แทนเพื่อกรองคนเล่นเฉพาะที่เครื่องที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่ต้องหาMac Addesss จากที่ไหนดี
วันนี้จะมาบอกวิธีการหา IP และMac address แบบง่ายๆกัน
1. คลิกปุ่ม start เลือก Run... ก็จะปรากฏหน้าต่าง Run ขึ้นมา
1. คลิกปุ่ม start เลือก Run... ก็จะปรากฏหน้าต่าง Run ขึ้นมา
2. ในช่อง open ให้พิมพ์ cmd แล้วกดปุ่ม OKก็จะปรากฏหน้าต่าง Dos ขึ้นมา
3. ให้พิมพ์คำสั่ง ipconfig /all
4 ดู IP ได้จาก DNS Server
5. ดู Mac Address จาก Physical Address ในหัวข้อ Ethernet adapter Wireless Network Connection
10 วิธีเพิ่มความแรงสัญญาณ WiFi
1. ถ้าเป็นไปได้ให้วาง Access point , router อยู่กลางบ้าน(ห้อง)
2. อย่าวาง AP,Router ใกล้โลหะ กำแพง หรือมีพื้นกั้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะรบกวนสัญญาณ
3. เปลี่ยนเสาสัญญาณของตัว Access point เป็นแบบ hi-gain (บังคับทิศทาง)
เสาสัญญาณปกติเป็นแบบ omni-directional ซึ่งกระจายสัญญาณออกทุกทิศทางและถ้าสาง AP ไว้ใกล้กำแพง สัญญาณครึ่งหนึ่งจะออกไปนอกบ้านซึ่งเปล่าประโยชน์
4. เปลี่ยนเสาสัญญาณของคอมพิวเตอร์เป็นแบบภายนอก จาก Access point สามารถเห็นได้ชัดไม่ถูกบดบังโดยเครื่องคอมพิวเตอร์
ปกติสัญญาณจาก AP แรงพอที่จะมาถึงอุปกรณ์ แต่บางทีอุปกรณ์มีสัญญาณไม่แรงพอทีจะส่งไปถึง AP จึงอาจเปลี่ยน adapter เป็นแบบ USB ที่มีเสาสัญญาณภายนอก Notebook ที่รองรับ Wifi มีเสาสัญญาณดีพออยู่แล้ว ศึกษาได้จากคู่มือ
5. ใช้ repeater ช่วยเพิ่มและกระจายสัญญาณ
ในกรณีที่เป็นจุดรับสัญญาณได้น้อยกว่าปกติต่ำกว่า2 ขีด ให้หา Access point ปรับเป็นโหมด Repeater กระจายสัญญาณจากตัวหลักอีกที เหมือนกับการ chain hub นั้นเอง แต่ไม่นิยมต่อในระยะทางยาวมากกว่า 2 กิ่งขึ้นไปเพราะสัญญาณแรงจริงแต่การรับส่งข้อมูลช้าล ง (หลาย Hop)
6. เปลี่ยน channel เพราะบาง channel อาจถูกรบกวนโดย AP ตัวอื่น เลือก channel ที่ดีไม่ถูกรบกวนจะให้ความแรงดีขึ้น อย่าลืมว่า 2.4 GHz โทรศัพท์มือถือคุณก็ใช้ความถี่ย่านนี้เหมือนกัน การปรับ Channel สามารถช่วยท่านได้ครับ
7. ลดสัญญาณรบกวนโดยถ้าที่บ้านมีการใช้โทรศัพท์บ้านไร้ส ายที่ใช้ความถี่ 2.4-2.8 GHz (ซึ่งใกล้เคียงกับมาตราฐาน 802.11 ) ใหเปลียนเป็นแบบใช้ความถี่ 5.8GHz หรือ 900MHz แทน ศึกษาได้จากข้างกล่องและคู่มือแต่ละยี่ห้อครับ
8. ทำการอัพเกรด firmware หรือ driver ของ adapter อย่างสม่ำเสมอโดยเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิต
9. เลือกใช้อุปกรณ์ยี่ห้อเดียวกันทั้งหมด (AP,router,adapter)
อันนี้ถ้าทำได้นะครับ สาเหตุเพราะถ้าเป็นอุปกรณ์ยี่ห้อเดียวกันแต่ละบริษัท ย่อมมีลูกเล่นใน ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เช่น มีการบีบอัดสัญญาณทำให้ใช้แบรนด์วิธที่น้อยลงความเร็ วก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่า ตัว แต่ถึงกระนั้นยี่ห้อเดียวกันแต่คนละรุ่นนี่บางทีไม่ support กันก็มีกรุณาดูข้างกล่อง คู่มือหรือสอบถามจากผู้ขาย
10. ใช้ 802.11g ดีกว่า 802.11b
อันนี้ย่อมแน่นอน เพราะ 802.11g ความเร็วสูงสุด 54 Mbps. 802.11b ความเร็วสูงสุด 11 Mbps. ตามมาตรฐาน IEEE
2. อย่าวาง AP,Router ใกล้โลหะ กำแพง หรือมีพื้นกั้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะรบกวนสัญญาณ
3. เปลี่ยนเสาสัญญาณของตัว Access point เป็นแบบ hi-gain (บังคับทิศทาง)
เสาสัญญาณปกติเป็นแบบ omni-directional ซึ่งกระจายสัญญาณออกทุกทิศทางและถ้าสาง AP ไว้ใกล้กำแพง สัญญาณครึ่งหนึ่งจะออกไปนอกบ้านซึ่งเปล่าประโยชน์
4. เปลี่ยนเสาสัญญาณของคอมพิวเตอร์เป็นแบบภายนอก จาก Access point สามารถเห็นได้ชัดไม่ถูกบดบังโดยเครื่องคอมพิวเตอร์
ปกติสัญญาณจาก AP แรงพอที่จะมาถึงอุปกรณ์ แต่บางทีอุปกรณ์มีสัญญาณไม่แรงพอทีจะส่งไปถึง AP จึงอาจเปลี่ยน adapter เป็นแบบ USB ที่มีเสาสัญญาณภายนอก Notebook ที่รองรับ Wifi มีเสาสัญญาณดีพออยู่แล้ว ศึกษาได้จากคู่มือ
5. ใช้ repeater ช่วยเพิ่มและกระจายสัญญาณ
ในกรณีที่เป็นจุดรับสัญญาณได้น้อยกว่าปกติต่ำกว่า2 ขีด ให้หา Access point ปรับเป็นโหมด Repeater กระจายสัญญาณจากตัวหลักอีกที เหมือนกับการ chain hub นั้นเอง แต่ไม่นิยมต่อในระยะทางยาวมากกว่า 2 กิ่งขึ้นไปเพราะสัญญาณแรงจริงแต่การรับส่งข้อมูลช้าล ง (หลาย Hop)
6. เปลี่ยน channel เพราะบาง channel อาจถูกรบกวนโดย AP ตัวอื่น เลือก channel ที่ดีไม่ถูกรบกวนจะให้ความแรงดีขึ้น อย่าลืมว่า 2.4 GHz โทรศัพท์มือถือคุณก็ใช้ความถี่ย่านนี้เหมือนกัน การปรับ Channel สามารถช่วยท่านได้ครับ
7. ลดสัญญาณรบกวนโดยถ้าที่บ้านมีการใช้โทรศัพท์บ้านไร้ส ายที่ใช้ความถี่ 2.4-2.8 GHz (ซึ่งใกล้เคียงกับมาตราฐาน 802.11 ) ใหเปลียนเป็นแบบใช้ความถี่ 5.8GHz หรือ 900MHz แทน ศึกษาได้จากข้างกล่องและคู่มือแต่ละยี่ห้อครับ
8. ทำการอัพเกรด firmware หรือ driver ของ adapter อย่างสม่ำเสมอโดยเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิต
9. เลือกใช้อุปกรณ์ยี่ห้อเดียวกันทั้งหมด (AP,router,adapter)
อันนี้ถ้าทำได้นะครับ สาเหตุเพราะถ้าเป็นอุปกรณ์ยี่ห้อเดียวกันแต่ละบริษัท ย่อมมีลูกเล่นใน ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เช่น มีการบีบอัดสัญญาณทำให้ใช้แบรนด์วิธที่น้อยลงความเร็ วก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่า ตัว แต่ถึงกระนั้นยี่ห้อเดียวกันแต่คนละรุ่นนี่บางทีไม่ support กันก็มีกรุณาดูข้างกล่อง คู่มือหรือสอบถามจากผู้ขาย
10. ใช้ 802.11g ดีกว่า 802.11b
อันนี้ย่อมแน่นอน เพราะ 802.11g ความเร็วสูงสุด 54 Mbps. 802.11b ความเร็วสูงสุด 11 Mbps. ตามมาตรฐาน IEEE
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554
วิธีแก้ Print spooler Service ไม่ทำงาน
spoolsv.exe file ตัวนี้มีหน้าที่ ในการจัดการบริหารเกี่ยวกับ printer หรือ กระบวนการพิมพ์ มันจะอยู่ในระบบ Windows อยู่แล้วครับ ซึ่งโดยปรกติ มันก็ทำงานของมัน โดยไม่ได้กิน CPU อะไรมากมาย แต่วันดีคืนดีอาจเกิด error จากการจัดการการพิมพ์ ในเครื่องพิมพ์ของเราเองหรือจาก printer ในเน็ตเวิร์ค (Network) ไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือ สำนักงานต่างๆ จะมีโอกาสเกิดปัญหานี้บ่อยครับ เพราะมีการแชร์ printer กัน ลองมาเช็คดูครับว่า spoolsv.exe ของเรา ทำงานเป็นปรกติอยู่หรือป่าว โดยสามารถดูได้ที่ Task Manager (กด Ctrl + Alt + Del) แล้วคลิกที่แท็บ Processes หาคำว่า spoolsv.exe ลองดูว่ามันกิน CPU เท่าไหร่ โดยปรกติมันจะเป็น 00 ครับ แต่ถ้ามันขึ้นเป็น 99 หรือไรก็แล้วแต่ที่ดูแล้วผิดปรกติ จะต้องแก้ไขโดยด่วนครับ ไม่งั้นเครื่องคอมพิวเตอร์คุณ จะทำงานหนักมากเกินไป ทำให้เครื่องร้อนและ อาจเกิดความเสียหายในที่สุด เอาล่ะมาดูวิธีการแก้ไขกัน
* เข้าไปที่ Control Panel > Administrative Tools > Services
* ทำการ stop ตัว Spooler ซะ
* ให้ปิดเครื่องพิมพ์ (Printer) ซะ
* จากนั้นก็เข้าไปที่ path นี้ครับ
C:\WINDOWS\system32\spool\PRINTERS
* ลบไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ path นี้ครับ ไฟล์ที่ผมเจอก็จะเป็นพวก .SHD กับ .SPL นั่นล่ะครับ ลบออกให้หมด
* เปิดเครื่องพิมพ์ (printer) อีกครั้งครับ
* กลับไป restart service คุณตัว Spooler ในขั้นตอนที่สองอีกรอบครับ
* ลองเข้าไปดูที่ Task Manager จะเห็นว่า CPU ที่ spoolsv.exe ลงมาเป็น 00 แล้ว
* เข้าไปที่ Control Panel > Administrative Tools > Services
* ทำการ stop ตัว Spooler ซะ
* ให้ปิดเครื่องพิมพ์ (Printer) ซะ
* จากนั้นก็เข้าไปที่ path นี้ครับ
C:\WINDOWS\system32\spool\PRINTERS
* ลบไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ path นี้ครับ ไฟล์ที่ผมเจอก็จะเป็นพวก .SHD กับ .SPL นั่นล่ะครับ ลบออกให้หมด
* เปิดเครื่องพิมพ์ (printer) อีกครั้งครับ
* กลับไป restart service คุณตัว Spooler ในขั้นตอนที่สองอีกรอบครับ
* ลองเข้าไปดูที่ Task Manager จะเห็นว่า CPU ที่ spoolsv.exe ลงมาเป็น 00 แล้ว
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554
พรบ. คอมพิวเตอร์ 2550
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่
เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้
ลงโทษจะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒ พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่
ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการ
อย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำ
ความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถ
จะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมี
คำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควร
เชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้
มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ที่มา http://www.cowboythai.com/forum/index.php?topic=1443.msg9206;topicseenหมวด ๑ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่
เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้
ลงโทษจะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒ พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่
ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการ
อย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำ
ความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถ
จะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมี
คำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควร
เชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้
มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ที่มา http://www.cowboythai.com/forum/index.php?topic=1443.msg9206;topicseenหมวด ๑ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Net ID คืออะไร
network id เป็นเบอร์ประจำเครื่อง คอมพิวเตอร์ ในวงเน็ตเวิร์ก
ซึ่งสามารถแบ่งเป็น class การนำไปใช้ได้เช่น Network ID 210.68.206.220 เวลาเราจะดูว่า ip ของเรานั้นอยู่ class อะไร ให้ดูตามนี้
class A
1. บิตแรกเป็น 0 เสมอ
2. บิตที่เหลือจะเป็น 0 หรือ 1 เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้
3. 8 บิตแรกจะเป็น network id
4. default net mask = 255.0.0.0
5. ใช้ในระดับประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ
class B
1. สองบิตแรกเป็น 10 เสมอ
2. บิตที่เหลือจะเป็น 0 หรือ 1 เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้
3. 16 บิตแรกจะเป็น network id
4. default net mask = 255.255.0.0
5. ใช้ในองค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ
class C
1. สามบิตแรกเป็น 110 เสมอ
2. บิตที่เหลือจะเป็น 0 หรือ 1 เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้
3. 24 บิตแรกจะเป็น network id
4. default net mask = 255.255.255.0
5. ใช้ในบริษัทเอกชนทั่วไป
class D
1. สี่บิตแรกเป็น 1110 เสมอ
2. บิตที่เหลือจะเป็น 0 หรือ 1 เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้
3. ทุกบิตจะเป็น multicast address
4. ไม่มี net mask
5. สงวนไว้ใช้กับ IP เวอร์ชั่น 6
ซึ่งสามารถแบ่งเป็น class การนำไปใช้ได้เช่น Network ID 210.68.206.220 เวลาเราจะดูว่า ip ของเรานั้นอยู่ class อะไร ให้ดูตามนี้
class A
1. บิตแรกเป็น 0 เสมอ
2. บิตที่เหลือจะเป็น 0 หรือ 1 เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้
3. 8 บิตแรกจะเป็น network id
4. default net mask = 255.0.0.0
5. ใช้ในระดับประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ
class B
1. สองบิตแรกเป็น 10 เสมอ
2. บิตที่เหลือจะเป็น 0 หรือ 1 เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้
3. 16 บิตแรกจะเป็น network id
4. default net mask = 255.255.0.0
5. ใช้ในองค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ
class C
1. สามบิตแรกเป็น 110 เสมอ
2. บิตที่เหลือจะเป็น 0 หรือ 1 เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้
3. 24 บิตแรกจะเป็น network id
4. default net mask = 255.255.255.0
5. ใช้ในบริษัทเอกชนทั่วไป
class D
1. สี่บิตแรกเป็น 1110 เสมอ
2. บิตที่เหลือจะเป็น 0 หรือ 1 เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้
3. ทุกบิตจะเป็น multicast address
4. ไม่มี net mask
5. สงวนไว้ใช้กับ IP เวอร์ชั่น 6
วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554
อินเตอร์เน็ตและการเชื่อมต่อ
อินเทอร์เน็ต(Internet)
คือเครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย
ความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นโครงการของ ARPAnet(Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัด กระทรวงกลาโหม ของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา
ความหมายของอินเตอร์เน็ต
คือ ระบบที่เชื่องโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ผ่านทางระบบการสื่อสาร เช่น สายเคเบิ้ล โมเดม โดยปัจจบันมีผู้ใช้จำนวนมากกว่า 100 ล้านคน กระจายอยู่ทั่วโลก
TCP/IP (Transmisson Control Protocol/Internet Protocol)
- เป็นสื่อกลางในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ โปรโตคอลมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตมีชื่อเรียนว่า TCP/IP
- IPADDRESS เป็นหมายเลขประจำเครื่องจะไม่ซ้ำกับเครื่องอื่น ประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด โดยมี . เป็นตัวแบ่งชุดตัวเลข ตัวเลขแต่ละชุดมีค่าตั้งแต่ 0- 255 เช่น 208.49.20.16
- หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล IP Address คือ interNIC (Internet Network Information Center) ผู้เล่นเน็ตทั่วไปจะได้รับ IP จากผู้ให้บริการ (ISP)
อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย
เริ่มขึ้นปี พ.ศ.2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของ ม.สงขลานครินทร์และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังเมลเบิร์น ประเทศออสเตรีย ผ่านทางสายโทรศัพท์ ซึ่งส่งข้อมูลได้ล่าช้าและไม่ถาวรกระทั่งปี พ.ศ.2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของสถาบันและมหาลัย 6 แห่ง ได้แก่ ม.จุฬาฯ ม.สงขลานครินทร์ ม.ธรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และ NECTEC เข้าด้วยกัน เรียกเครื่อข่ายนี้ว่า ไทยสาร
ผู้ให้บริการบนเครือขายอินเตอร์เน็ต (Internet Service Providers)
เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ISP เป็นหน่วยงานที่บริการให้เชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัท เข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ หน่วยงานราชการหรือสถาบันการศึกษา กับบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ทั่วไป ISP ที่เป็นหน่วยงานราชการ หรือสถาบันการศึกษา มักจะเป็นการให้บริการฟรีสำหรับสมาชิกขององค์การเท่านั้น ผู้ให้บริการในประเทศไทยเช่น KSC Loxinfo เอเน็ต เอเซีย แอคเซส(M-GROUP)ฯ
Domain Name หมายถึง ชื่อที่ใช้ระบุลงในคอมพิวเตอร์ (เช่น เป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่เว็บไซต์ หรืออีเมลแอดเดรส) เพื่อไปค้นหาในระบบ โดเมนเนมซีสเทม เพื่อระบุถึง ไอพีแอดเดรส ของชื่อนั้นๆ เป็นชื่อที่ผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน บางครั้งเราอาจจะใช้ "ที่อยู่เว็บไซต์" แทนก็ได้
โดเมนเนม หรือ ชื่อโดเมน เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เนื่องจากไอพีแอดเดรสนั้นจดจำได้ยากกว่า และเมื่อการเปลี่ยนแปลงไอพีแอดเดรส ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้หรือจดจำไอพีแอดเดรสใหม่ ยังคงใช้โดเมนเนมเดิมได้ต่อไป
หลักที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมน1.ความยาวของชื่อ Domain ตั้งได้ไม่เกิน 63 ตัวอักษร
2.สามารถใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษผสมกับตัวเลข หรือเครื่องหมายขีด (-) ได้
3.ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ใช้ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ได้
4.ห้ามใช้เครื่องหมายขีด (-) นำหน้าชื่อ domain
5.ห้ามเว้นวรรคในชื่อโดเมน
บริการบนอินเตอร์เน็ต
1.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่าอีเมล์ (Electronics Mail : E-mail) เป็นการรับ-ส่งข้อความโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูล (File Transfer Protocol : FTP) การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูลหนึ่งไปยังอีกแฟ้มข้อมูลหนึ่ง
3.กลุ่มอภิปรายกลุ่มข่าว (Newsgroup) เป็นการรวมกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่สนใจเรื่องเดียวกัน
4.การสนทนาในเครือข่าย 9Internet Relay Chat : IRC) สนทนากันแบบตอบโต้ทันทีโดยการพิมพ์หรือใช้เสียง
5.เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) เป็นการสืบค้นสารสนเทศที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตในระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext)
เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web)
- WWW หรือ เว็บ เป็นรูปแบบหนึ่งของการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูล ในการค้นหาข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต โดยการกำหนด URL
- WWW หรือ Web ถูกสร้างขึ้นในปี 1989(2532) ที่ CERN (The European Laboratory for Particle Physics) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดย Tim Berners-Lee จากนั้นมามันก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จนถึงปัจจุบันนี้
- Web เป็นส่วนหนึ่งของ Internet ที่ใช้ Hypertext Transfer Protocol (HTTP) เพื่อแสดง Hypertext และรูปภาพ Hypertext หมายถึงการสร้างเอกสารแบบตัวหนังสือที่มีความสามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารอื่น (Interlinked)
Browser คือ โปรแกรมที่เรียกดูหน้าเว็บ เช่น Internet ExplorerWebsite คือ แหล่งที่รวมเว็บเพจทุกหน้า ซึ่งเจ้าของจะปรับปุงข้อมูลเอง
Web Page คือ หน้าแต่ละหน้าในเว็บไซต์Web Pageคือ หน้าแต่ละหน้าในเว็บไซต์
Home Pageคือ หน้าแรกของเว็ปไซต์
URL (Uniform Resource Location) คือ ที่อยู่หรือตำแหน่งของเว็บไซต์ มักขึ้นต้นด้วย http://
Hyperlink คือ เส้นทางเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บเพจอื่น จะแสดงเป็นตัวอักษรที่มีสีต่างกันออกไปหรือมีการขีดเส้นใต้ล่างตัวอักษรกลุ่มนั้น
คือเครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย
ความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นโครงการของ ARPAnet(Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัด กระทรวงกลาโหม ของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา
ความหมายของอินเตอร์เน็ต
คือ ระบบที่เชื่องโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ผ่านทางระบบการสื่อสาร เช่น สายเคเบิ้ล โมเดม โดยปัจจบันมีผู้ใช้จำนวนมากกว่า 100 ล้านคน กระจายอยู่ทั่วโลก
TCP/IP (Transmisson Control Protocol/Internet Protocol)
- เป็นสื่อกลางในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ โปรโตคอลมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตมีชื่อเรียนว่า TCP/IP
- IPADDRESS เป็นหมายเลขประจำเครื่องจะไม่ซ้ำกับเครื่องอื่น ประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด โดยมี . เป็นตัวแบ่งชุดตัวเลข ตัวเลขแต่ละชุดมีค่าตั้งแต่ 0- 255 เช่น 208.49.20.16
- หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล IP Address คือ interNIC (Internet Network Information Center) ผู้เล่นเน็ตทั่วไปจะได้รับ IP จากผู้ให้บริการ (ISP)
อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย
เริ่มขึ้นปี พ.ศ.2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของ ม.สงขลานครินทร์และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังเมลเบิร์น ประเทศออสเตรีย ผ่านทางสายโทรศัพท์ ซึ่งส่งข้อมูลได้ล่าช้าและไม่ถาวรกระทั่งปี พ.ศ.2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของสถาบันและมหาลัย 6 แห่ง ได้แก่ ม.จุฬาฯ ม.สงขลานครินทร์ ม.ธรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และ NECTEC เข้าด้วยกัน เรียกเครื่อข่ายนี้ว่า ไทยสาร
ผู้ให้บริการบนเครือขายอินเตอร์เน็ต (Internet Service Providers)
เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ISP เป็นหน่วยงานที่บริการให้เชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัท เข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ หน่วยงานราชการหรือสถาบันการศึกษา กับบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ทั่วไป ISP ที่เป็นหน่วยงานราชการ หรือสถาบันการศึกษา มักจะเป็นการให้บริการฟรีสำหรับสมาชิกขององค์การเท่านั้น ผู้ให้บริการในประเทศไทยเช่น KSC Loxinfo เอเน็ต เอเซีย แอคเซส(M-GROUP)ฯ
Domain Name หมายถึง ชื่อที่ใช้ระบุลงในคอมพิวเตอร์ (เช่น เป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่เว็บไซต์ หรืออีเมลแอดเดรส) เพื่อไปค้นหาในระบบ โดเมนเนมซีสเทม เพื่อระบุถึง ไอพีแอดเดรส ของชื่อนั้นๆ เป็นชื่อที่ผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน บางครั้งเราอาจจะใช้ "ที่อยู่เว็บไซต์" แทนก็ได้
โดเมนเนม หรือ ชื่อโดเมน เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เนื่องจากไอพีแอดเดรสนั้นจดจำได้ยากกว่า และเมื่อการเปลี่ยนแปลงไอพีแอดเดรส ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้หรือจดจำไอพีแอดเดรสใหม่ ยังคงใช้โดเมนเนมเดิมได้ต่อไป
หลักที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมน1.ความยาวของชื่อ Domain ตั้งได้ไม่เกิน 63 ตัวอักษร
2.สามารถใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษผสมกับตัวเลข หรือเครื่องหมายขีด (-) ได้
3.ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ใช้ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ได้
4.ห้ามใช้เครื่องหมายขีด (-) นำหน้าชื่อ domain
5.ห้ามเว้นวรรคในชื่อโดเมน
บริการบนอินเตอร์เน็ต
1.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่าอีเมล์ (Electronics Mail : E-mail) เป็นการรับ-ส่งข้อความโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูล (File Transfer Protocol : FTP) การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูลหนึ่งไปยังอีกแฟ้มข้อมูลหนึ่ง
3.กลุ่มอภิปรายกลุ่มข่าว (Newsgroup) เป็นการรวมกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่สนใจเรื่องเดียวกัน
4.การสนทนาในเครือข่าย 9Internet Relay Chat : IRC) สนทนากันแบบตอบโต้ทันทีโดยการพิมพ์หรือใช้เสียง
5.เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) เป็นการสืบค้นสารสนเทศที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตในระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext)
เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web)
- WWW หรือ เว็บ เป็นรูปแบบหนึ่งของการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูล ในการค้นหาข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต โดยการกำหนด URL
- WWW หรือ Web ถูกสร้างขึ้นในปี 1989(2532) ที่ CERN (The European Laboratory for Particle Physics) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดย Tim Berners-Lee จากนั้นมามันก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จนถึงปัจจุบันนี้
- Web เป็นส่วนหนึ่งของ Internet ที่ใช้ Hypertext Transfer Protocol (HTTP) เพื่อแสดง Hypertext และรูปภาพ Hypertext หมายถึงการสร้างเอกสารแบบตัวหนังสือที่มีความสามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารอื่น (Interlinked)
Browser คือ โปรแกรมที่เรียกดูหน้าเว็บ เช่น Internet ExplorerWebsite คือ แหล่งที่รวมเว็บเพจทุกหน้า ซึ่งเจ้าของจะปรับปุงข้อมูลเอง
Web Page คือ หน้าแต่ละหน้าในเว็บไซต์Web Pageคือ หน้าแต่ละหน้าในเว็บไซต์
Home Pageคือ หน้าแรกของเว็ปไซต์
URL (Uniform Resource Location) คือ ที่อยู่หรือตำแหน่งของเว็บไซต์ มักขึ้นต้นด้วย http://
Hyperlink คือ เส้นทางเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บเพจอื่น จะแสดงเป็นตัวอักษรที่มีสีต่างกันออกไปหรือมีการขีดเส้นใต้ล่างตัวอักษรกลุ่มนั้น
วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554
งานกลุ่มวันที่ 3 กันยายน
ZEE FASHION STORE ( ขายสินค้าแฟชั่น )
กลุ่มเป้าหมาย
- กลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงกลุ่มคนวัยทำงานทั้งชายและหญิง
จุดเด่นที่ดึงดูด
- สินค้าที่มีคุณภาพจาก ยี่ห้อ ต่างๆ เช่น Chanel Gucci Tokyo Fashion เป็นต้น
- รูปตัวอย่างสินค้าที่น่าสนใจ
- ความหลากหลายของสินค้า
ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์
- ประเภท ธุรกิจกับผู้บริโภค ( Business to Consumer : B2C ) เพราะผู้ขายมุ่งเน้นการบริการกับลูกค้า ตัวอย่างเช่น การขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แว่นตา เครื่องสำอาง เป็นต้น
B2B Thai.com
กลุ่มเป้าหมาย
- ตัวแทนจำหน่าย ผู้ขายปลีก ขายส่ง ผู้ผลิต
จุดเด่นที่ดึงดูด
- เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลธุรกิจไทย มีการจัดหมวดหมู่สินค้าตามประเภทอุตสาหกรรม พร้อมระบบในการค้นหาข้อมูลผู้ซื้อ, ผู้ขาย, และสินค้า ตามที่ต้องการได้โดยง่าย ช่วยผู้ซื้อลดเวลาและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการค้นหาผู้ขายหรือสินค้าที่ต้องการ และช่วยผู้ขายให้มีช่องทางในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง
ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์
- ประเภท องค์กรธุรกิจกับองค์กรธุรกิจ (Business-to-Business : B2B) เพราะเป็นการค้าระหว่างองค์กรธุรกิจกับองค์กรธุรกิจ เช่น การซื้อวัตถุดิบมาผลิตเป็นสินค้า, การซื้อสินค้าจากผู้ผลิตเพื่อขายต่อให้กับผู้บริโภคอีกทอดหนึ่ง เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการสั่งซื้อจำนวนมากๆ และสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง
สมาชิก
1.นางสาวธัญญา เสนีย์วงค์
2.นางสาววรรณพร สิงห์เล็ก
3.นางสาวอรพรรณ สิงห์เล็ก
4.นางสาวกัญญา คุ้มรักษา
5.นางสาวอำภา ทุระการ
6.นางสาวมนทิชา มีสัตย์
7.นางสาวลักคณา คงมั่น
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ข้อแนะนำในการทำเว็บไซต์
1. การเลือกเนื้อหาเว็บไซต์ ถือเป็นส่วนสำคัญในการเริ่มต้นทำเว็บไซต์ ทั้งการจัดโครงสร้าง และ ความ นิยมของเว็บไซต์ สำหรับผู้เริ่มต้น ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเลือกหัวข้อใด ควรเริ่มต้นจาก การสำรวจตัวเอง ว่า ชอบ หรือ สนใจสิ่งใด มากที่สุด หรือ มีความรู้เชี่ยวชาญด้านใดมากที่สุด
2. โครงสร้างของเว็บไซต์ มีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ การที่จะทำให้ ผู้เข้าเยี่ยมชม สามารถค้นหาข้อมูล ใน เว็บไซต์ได้อย่างเป็นระบบ ประการแรกต้องพิจารณาถึง ความเป็นไปได้ของประเภทของผู้เข้าเยี่ยมชม เพราะผู้เยี่ยมชมแต่ละประเภท ก็จะค้นหาข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่ควรจะทำก็คือการจัดกลุ่ม ของข้อมูลโดยให้รวมหัวข้อย่อยต่างๆ ให้อยู่ในหัวข้อหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายให้ จำนวนข้อหลักน้อย ที่สุด นอกจากนี้การจัดไฟล์และไดเร็กทอรี่ ก็จะช่วยให้การดูแลรักษาและการตรวจสอบความ ผิดพลาดของเว็บไซต์ง่ายยิ่งขึ้น เช่น การจัดไฟล์รูปภาพไว้ที่เดียวกัน หรือ จัดเว็บไซต์ที่เป็นเรื่อง เดียวกันไว้ในไดเร็กทอรี่เดียวกัน เป็นต้น
3. สามารถดูเว็บไซต์ได้ในหลายบราวเซอร์ การทำเว็บไซต์ควรจะทำเพื่อให้สามารถดูได้จากทุกๆ Version ของ Software ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Netscape Communicator Internet Explorer หรือ อื่นๆ การ ทำให้ทุกคนดูได้นี้ ถือว่าเป็นการขยายฐานของผู้เข้าเยี่ยมชม
4. ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ สำหรับหน้าแรกของเว็บไซต์ไม่ควรให้โหลดข้อมูลช้า ปัจจัยที่จะ กระทบต่อความเร็ว ได้แก่ ขนาดของรูปภาพที่ใช้ จำนวนของรูปภาพที่ใช้ และปริมาณของตัวอักษรที่ อยู่บนหน้านั้นๆ อนึ่งความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ อาจอยู่ที่ Server ที่เว็บไซต์นั้นๆอยู่ว่ามี ความสามารถสูงเพียงใด ขนาดของรูปภาพที่ใช้ควรจะมีขนาดไม่เกิน 20-30K ต่อรูป ส่วนประเภทของ รูปนั้นควรเป็น GIF หรือ JPEG ถ้าขนาดของรูปภาพใหญ่เกินไป อาจตัดแบ่งให้ขนาดเล็กลง และใช้ ตารางช่วยในการจัดรูปภาพนั้นๆ
5. ความง่ายในการค้นหาข้อมูล ปัจจัยหลักนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเว็บไซต์ตั้งแต่ตอนแรกที่มีการจัด โครงสร้างและจัดกลุ่มของข้อมูล นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกเช่น การมี Navigator bar หรือ แถบนำ ทาง ในทุกๆหน้าของเว็บไซต์ และถ้าสามารถให้บริการ Search และ Sitemap ได้ก็จะเป็นสิ่งที่จะช่วย ให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น
6. ตัวอักษร, ฉากหลัง และ สี สำหรับรูปแบบที่นิยมใช้คือ ตัวอักษรสีดำ บนฉากหลังขาว ถ้าต้องการ กำหนดประเภทของตัวอักษรควรใช้ที่เป็นสากลนิยม เช่น ในกรณีภาษาอังกฤษ อาจใช้ Arial หรือ Times News Roman เป็นต้น ส่วนภาษาไทย อาจใช้ MS Sans Serif การเลือกใช้ตัวอักษรภาษาไทยนั้น ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะในกรณีที่เครื่องผู้เยี่ยมชมไม่มีตัวอักษรนั้นๆ อาจทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมไม่ สามารถอ่านตัวอักษรได้เลย
7. รูปภาพ ที่ใช้มี 2 ประเภทคือไฟล์กราฟิกประเภท GIF หรือ JPEG ในปัจจุบันไฟล์ประเภท PNG ก็มี บางเว็บใช้เช่นกัน หนึ่งในหลักการพิจารณาการใช้ประเภทเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด คือ จำนวนสีของ รูปภาพนั้นๆ ถ้าเป็นภาพแต่งหรือภาพถ่ายที่มีสีมากๆ ก็ควรใช้ไฟล์ประเภท JPEG แต่ถ้าเป็นเพียงปุ่ม หรือป้ายที่มีสีไม่มากก็ควรใช้ GIF พร้อมกับพิจารณาเรื่องขนาดของไฟล์ด้วย อนึ่งควรจะมีการคะเน ขนาดของรูปภาพที่จะใส่บนเว็บไซต์ก่อน เพื่อจะได้ใช้ขนาด และ อัตราส่วน ที่พึงพอใจมากที่สุด
8. ส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ของเว็บไซต์ เช่น หัวข้อที่เกี่ยวกับผู้จัดทำ อาจเป็นประวัติความเป็นมา และ/ หรือ ข้อมูลปัจจุบัน (About us) เหล่านี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้เขา้เยี่ยมชม และเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แถบนำทาง Search Sitemap และยังมีหัวข้ออื่นๆ อีก เช่น ข้อเสนอแนะ (Feedback) คำถามที่ถูกถาม บ่อย (FAQ - Frequently Asked Questions)
9. ก่อนที่จะนำเว็บไซต์ Upload ไปยัง Server ควรจะมีการทดสอบ โดยใช้ทั้ง Netscape Communicator และ Internet Explorer เพื่อดูความเร็วในการโหลดว่าช้าหรือเร็วเพียงใด Link ทั้งภายใน และ ภายนอก ถูกต้องหรือไม่ รูปภาพถูกต้องหรือไม่ พิสูจน์อักษร และอ่านข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลต่างๆ ถูกต้อง
10. หลังจากที่เว็บไซต์ Publish ถ้าเป็นไปได้ควรทดสอบ เหมือนกับที่ทดสอบก่อนที่จะ Publish เพื่อความ แน่ใจอีกครั้ง นอกจากการทดสอบแล้ว สิ่งที่จะต้องกระทำหลัง Publish คือ การสำรวจ ปรับปรุง และ ดูแลรักษาเว็บไซต์ เมื่อพบความคิดดีๆ ที่อาจนำมาปรับปรุงเว็บไซต์ได้ก็ควรจะจดบันทึกไว้ ถ้าเป็นการ แก้ไขนิดหน่อยก็ควรทำการแก้ไขทันที แต่ถ้าเป็นการแก้ไขที่ต้องใช้เวลานานควรรอสักระยะรวบรวม สิ่งที่ต้องการแก้ไขทั้งหมด
2. โครงสร้างของเว็บไซต์ มีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ การที่จะทำให้ ผู้เข้าเยี่ยมชม สามารถค้นหาข้อมูล ใน เว็บไซต์ได้อย่างเป็นระบบ ประการแรกต้องพิจารณาถึง ความเป็นไปได้ของประเภทของผู้เข้าเยี่ยมชม เพราะผู้เยี่ยมชมแต่ละประเภท ก็จะค้นหาข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่ควรจะทำก็คือการจัดกลุ่ม ของข้อมูลโดยให้รวมหัวข้อย่อยต่างๆ ให้อยู่ในหัวข้อหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายให้ จำนวนข้อหลักน้อย ที่สุด นอกจากนี้การจัดไฟล์และไดเร็กทอรี่ ก็จะช่วยให้การดูแลรักษาและการตรวจสอบความ ผิดพลาดของเว็บไซต์ง่ายยิ่งขึ้น เช่น การจัดไฟล์รูปภาพไว้ที่เดียวกัน หรือ จัดเว็บไซต์ที่เป็นเรื่อง เดียวกันไว้ในไดเร็กทอรี่เดียวกัน เป็นต้น
3. สามารถดูเว็บไซต์ได้ในหลายบราวเซอร์ การทำเว็บไซต์ควรจะทำเพื่อให้สามารถดูได้จากทุกๆ Version ของ Software ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Netscape Communicator Internet Explorer หรือ อื่นๆ การ ทำให้ทุกคนดูได้นี้ ถือว่าเป็นการขยายฐานของผู้เข้าเยี่ยมชม
4. ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ สำหรับหน้าแรกของเว็บไซต์ไม่ควรให้โหลดข้อมูลช้า ปัจจัยที่จะ กระทบต่อความเร็ว ได้แก่ ขนาดของรูปภาพที่ใช้ จำนวนของรูปภาพที่ใช้ และปริมาณของตัวอักษรที่ อยู่บนหน้านั้นๆ อนึ่งความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ อาจอยู่ที่ Server ที่เว็บไซต์นั้นๆอยู่ว่ามี ความสามารถสูงเพียงใด ขนาดของรูปภาพที่ใช้ควรจะมีขนาดไม่เกิน 20-30K ต่อรูป ส่วนประเภทของ รูปนั้นควรเป็น GIF หรือ JPEG ถ้าขนาดของรูปภาพใหญ่เกินไป อาจตัดแบ่งให้ขนาดเล็กลง และใช้ ตารางช่วยในการจัดรูปภาพนั้นๆ
5. ความง่ายในการค้นหาข้อมูล ปัจจัยหลักนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเว็บไซต์ตั้งแต่ตอนแรกที่มีการจัด โครงสร้างและจัดกลุ่มของข้อมูล นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกเช่น การมี Navigator bar หรือ แถบนำ ทาง ในทุกๆหน้าของเว็บไซต์ และถ้าสามารถให้บริการ Search และ Sitemap ได้ก็จะเป็นสิ่งที่จะช่วย ให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น
6. ตัวอักษร, ฉากหลัง และ สี สำหรับรูปแบบที่นิยมใช้คือ ตัวอักษรสีดำ บนฉากหลังขาว ถ้าต้องการ กำหนดประเภทของตัวอักษรควรใช้ที่เป็นสากลนิยม เช่น ในกรณีภาษาอังกฤษ อาจใช้ Arial หรือ Times News Roman เป็นต้น ส่วนภาษาไทย อาจใช้ MS Sans Serif การเลือกใช้ตัวอักษรภาษาไทยนั้น ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะในกรณีที่เครื่องผู้เยี่ยมชมไม่มีตัวอักษรนั้นๆ อาจทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมไม่ สามารถอ่านตัวอักษรได้เลย
7. รูปภาพ ที่ใช้มี 2 ประเภทคือไฟล์กราฟิกประเภท GIF หรือ JPEG ในปัจจุบันไฟล์ประเภท PNG ก็มี บางเว็บใช้เช่นกัน หนึ่งในหลักการพิจารณาการใช้ประเภทเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด คือ จำนวนสีของ รูปภาพนั้นๆ ถ้าเป็นภาพแต่งหรือภาพถ่ายที่มีสีมากๆ ก็ควรใช้ไฟล์ประเภท JPEG แต่ถ้าเป็นเพียงปุ่ม หรือป้ายที่มีสีไม่มากก็ควรใช้ GIF พร้อมกับพิจารณาเรื่องขนาดของไฟล์ด้วย อนึ่งควรจะมีการคะเน ขนาดของรูปภาพที่จะใส่บนเว็บไซต์ก่อน เพื่อจะได้ใช้ขนาด และ อัตราส่วน ที่พึงพอใจมากที่สุด
8. ส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ของเว็บไซต์ เช่น หัวข้อที่เกี่ยวกับผู้จัดทำ อาจเป็นประวัติความเป็นมา และ/ หรือ ข้อมูลปัจจุบัน (About us) เหล่านี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้เขา้เยี่ยมชม และเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แถบนำทาง Search Sitemap และยังมีหัวข้ออื่นๆ อีก เช่น ข้อเสนอแนะ (Feedback) คำถามที่ถูกถาม บ่อย (FAQ - Frequently Asked Questions)
9. ก่อนที่จะนำเว็บไซต์ Upload ไปยัง Server ควรจะมีการทดสอบ โดยใช้ทั้ง Netscape Communicator และ Internet Explorer เพื่อดูความเร็วในการโหลดว่าช้าหรือเร็วเพียงใด Link ทั้งภายใน และ ภายนอก ถูกต้องหรือไม่ รูปภาพถูกต้องหรือไม่ พิสูจน์อักษร และอ่านข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลต่างๆ ถูกต้อง
10. หลังจากที่เว็บไซต์ Publish ถ้าเป็นไปได้ควรทดสอบ เหมือนกับที่ทดสอบก่อนที่จะ Publish เพื่อความ แน่ใจอีกครั้ง นอกจากการทดสอบแล้ว สิ่งที่จะต้องกระทำหลัง Publish คือ การสำรวจ ปรับปรุง และ ดูแลรักษาเว็บไซต์ เมื่อพบความคิดดีๆ ที่อาจนำมาปรับปรุงเว็บไซต์ได้ก็ควรจะจดบันทึกไว้ ถ้าเป็นการ แก้ไขนิดหน่อยก็ควรทำการแก้ไขทันที แต่ถ้าเป็นการแก้ไขที่ต้องใช้เวลานานควรรอสักระยะรวบรวม สิ่งที่ต้องการแก้ไขทั้งหมด
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วิธีการดู IP ของเครื่อง
วิธีที่ 1
ให้ไปที่ start menu >> run
แล้วพิมพ์ winipcfg กด Enter จะปรากฏ IP ออกมา
วิธีที่ 2
พิมพ์ cmd หรือ command แล้ว Enter
จะมี DOS พร้อมแล้วพิมพ์ ipconfig แล้ว Enter
จะปรากฏ IP ต่างๆ ออกมา
ให้ไปที่ start menu >> run
แล้วพิมพ์ winipcfg กด Enter จะปรากฏ IP ออกมา
วิธีที่ 2
พิมพ์ cmd หรือ command แล้ว Enter
จะมี DOS พร้อมแล้วพิมพ์ ipconfig แล้ว Enter
จะปรากฏ IP ต่างๆ ออกมา
ส่งงาน อ. นพดล
ข้อ 1 ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีรูปแบบธุรกิจของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1.ธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business : B2B)
หมายถึงธุรกิจที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้วยกัน โดยอาจเป็นผู้ประกอบการในระดับเดียวกัน หรือต่างระดับกันก็ได้ อาทิ ผู้ผลิตกับผู้ผลิต ผู้ผลิตกับผู้ส่งออก ผู้ผลิตกับผู้นำเข้า ผู้ผลิตกับผู้ค้าส่งและค้าปลีก เป็นต้น
http://www.alibaba.com/ อาลีบาบา (แหล่งกำเนิดสินค้า : จีน) ตลาดของการส่งออกและนำเข้าเสนอไดเรกทอรีของ บริษัท แคตตาล็อกและการค้านำไปสู่การเป็นผู้นำเข้า, ส่งออก, ผู้ผลิต, ค้าส่งผู้จัดจำหน่ายwww.alibaba.com
http://www.tradekey.com/ TradeKey (แหล่งกำเนิดสินค้า : ซาอุดีอาระเบีย) ธุรกิจกับธุรกิจตลาดตลาดส่งออกนำเข้ากว่า 3,000,000 สมาชิก, มีไดเรกทอรี B2B, การค้านำไปสู่การเป็นผู้นำเข้าผู้ซื้อส่งออก, ผู้ผลิต, ค้าส่งผู้จัดจำหน่าย
Marketplace of export and import,offers company directory,catalog and trade leads to importer,exporter,manufacturer,wholesaler,supplier.
2.ธุรกิจกับผู้บริโภค (Business to Consumer : B2C) หมายถึงธุรกิจที่มุ่งเน้นการบริการกับลูกค้าหรือผู้บริโภค อาทิ การขายสินค้าอุปโภคบริโภค
http://www.conexstore.com/ (ศูนย์รวมสินค้าอุตสาหกรรม)
http://www.jaguarware.com/ (จำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีล)
3.ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer to Consumer : C2C)
หมายถึง ธุรกิจระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค ซึ่งเป็นการค้ารายย่อยเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าและบริการส่วนใหญ่จะเป็นสินค้ามือสองหรือการประมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต
http://www.ebay.com/
http://www.thaicar.com/post_index_new.php
4.Click and Mortar คลิกและมอต้าร์
คือ E-Commerce ที่มีรูปแบบการที่มีการผสมผสานกันระหว่าง ผู้ที่มีธุรกิจร้านค้าหรือมีบริษัท เปิดให้บริการทำการค้าจริงๆ และมีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางในการค้าขาย โดยการค้าในรูปแบบนี้จะเป็นผสมผสานเชื่อมต่อการซื้อขายทั้งสองช่องทางด้วยกันได้ เพื่อให้ศักยภาพในการค้าสูงสุด ในการรองรับลูกค้าทั้งสองช่องทาง เช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ และไปรับสินค้าที่หน้าร้านได้ เป็นต้น
http://www.vijitmarketthai.com/ ร้านขายสินค้า อาหารต่าง ชื่อ ร้านวิจิตร ที่เปิดร้านค้าขายสินค้า อาหารทะเล เครื่องเทศ หรือ อุปกรณ์ทำอาหารต่างๆอยู่ ในตลาดย่านสะพานใหม่ ดอนเมือง
http://www.thaigems.com/ ร้านขายสินค้าอัญมณีไทย
5. Click and Click คลิกกับคลิก
คือ E-Commerce ที่มีรูปแบบการค้าขายหรือการให้บริการ ผ่านทางเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ต เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่มีธุรกิจหรือหน้าร้านค้าจริงๆ ให้คนสามารถไปซื้อหรือรับสินค้าได้ ดังนั้นเมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์จะทำการส่งสินค้าไปให้ลูกค้าถึงที่อยู่ของลูกค้านั้นๆ
http://www.tohome.com/
http://www.tarad.com/
ข้อ 2 ให้นักศึกษาบอกประโยชน์ของการค้าแบบออนไลน์หรือ E-Commerce มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1.เป็นช่องทางดำเนินธุรกิจอีกทางหนึ่ง ที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
2.เป็นการตลาดที่ใช้ต้นทุนต่ำ เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อธุรกิจกันเลย
3.ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และ เวลาสำหรับผู้ซื้อกับผู้ขายสามารถเก็บเงิน และโอนเงินเข้าบัญชี
บริษัท อัตโนมัติ
4.ไม่ต้องมีพนักงานนั่งประจำ เพราะสามารถให้บริการแบบอัตโนมัติได้ ประหยัดค่าพิมพ์เอกสาร
แนะนำสินค้า
5.สามารถเปิดขายได้ตลอด 7วัน ๆ ละ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดและตอบสนองนักลงทุนได้ทุกระดับ
ข้อ 3 ให้นักศึกษาข้อจำกัดของการค้าแบบออนไลน์หรือ E-Commerce มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1.ความไม่ปลอดภัยของข้อมูล
2.ความเสี่ยงในการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ต
3.ขาดความรู้ด้านกฎหมายการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
4.ขาดความรู้เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต
5.ผู้ซื้อไม่มั่นใจเรื่องการเก็บรักษาความลับทางธุรกิจ
1.ธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business : B2B)
หมายถึงธุรกิจที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้วยกัน โดยอาจเป็นผู้ประกอบการในระดับเดียวกัน หรือต่างระดับกันก็ได้ อาทิ ผู้ผลิตกับผู้ผลิต ผู้ผลิตกับผู้ส่งออก ผู้ผลิตกับผู้นำเข้า ผู้ผลิตกับผู้ค้าส่งและค้าปลีก เป็นต้น
http://www.alibaba.com/ อาลีบาบา (แหล่งกำเนิดสินค้า : จีน) ตลาดของการส่งออกและนำเข้าเสนอไดเรกทอรีของ บริษัท แคตตาล็อกและการค้านำไปสู่การเป็นผู้นำเข้า, ส่งออก, ผู้ผลิต, ค้าส่งผู้จัดจำหน่ายwww.alibaba.com
http://www.tradekey.com/ TradeKey (แหล่งกำเนิดสินค้า : ซาอุดีอาระเบีย) ธุรกิจกับธุรกิจตลาดตลาดส่งออกนำเข้ากว่า 3,000,000 สมาชิก, มีไดเรกทอรี B2B, การค้านำไปสู่การเป็นผู้นำเข้าผู้ซื้อส่งออก, ผู้ผลิต, ค้าส่งผู้จัดจำหน่าย
Marketplace of export and import,offers company directory,catalog and trade leads to importer,exporter,manufacturer,wholesaler,supplier.
2.ธุรกิจกับผู้บริโภค (Business to Consumer : B2C) หมายถึงธุรกิจที่มุ่งเน้นการบริการกับลูกค้าหรือผู้บริโภค อาทิ การขายสินค้าอุปโภคบริโภค
http://www.conexstore.com/ (ศูนย์รวมสินค้าอุตสาหกรรม)
http://www.jaguarware.com/ (จำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีล)
3.ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer to Consumer : C2C)
หมายถึง ธุรกิจระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค ซึ่งเป็นการค้ารายย่อยเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าและบริการส่วนใหญ่จะเป็นสินค้ามือสองหรือการประมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต
http://www.ebay.com/
http://www.thaicar.com/post_index_new.php
4.Click and Mortar คลิกและมอต้าร์
คือ E-Commerce ที่มีรูปแบบการที่มีการผสมผสานกันระหว่าง ผู้ที่มีธุรกิจร้านค้าหรือมีบริษัท เปิดให้บริการทำการค้าจริงๆ และมีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางในการค้าขาย โดยการค้าในรูปแบบนี้จะเป็นผสมผสานเชื่อมต่อการซื้อขายทั้งสองช่องทางด้วยกันได้ เพื่อให้ศักยภาพในการค้าสูงสุด ในการรองรับลูกค้าทั้งสองช่องทาง เช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ และไปรับสินค้าที่หน้าร้านได้ เป็นต้น
http://www.vijitmarketthai.com/ ร้านขายสินค้า อาหารต่าง ชื่อ ร้านวิจิตร ที่เปิดร้านค้าขายสินค้า อาหารทะเล เครื่องเทศ หรือ อุปกรณ์ทำอาหารต่างๆอยู่ ในตลาดย่านสะพานใหม่ ดอนเมือง
http://www.thaigems.com/ ร้านขายสินค้าอัญมณีไทย
5. Click and Click คลิกกับคลิก
คือ E-Commerce ที่มีรูปแบบการค้าขายหรือการให้บริการ ผ่านทางเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ต เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่มีธุรกิจหรือหน้าร้านค้าจริงๆ ให้คนสามารถไปซื้อหรือรับสินค้าได้ ดังนั้นเมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์จะทำการส่งสินค้าไปให้ลูกค้าถึงที่อยู่ของลูกค้านั้นๆ
http://www.tohome.com/
http://www.tarad.com/
ข้อ 2 ให้นักศึกษาบอกประโยชน์ของการค้าแบบออนไลน์หรือ E-Commerce มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1.เป็นช่องทางดำเนินธุรกิจอีกทางหนึ่ง ที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
2.เป็นการตลาดที่ใช้ต้นทุนต่ำ เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อธุรกิจกันเลย
3.ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และ เวลาสำหรับผู้ซื้อกับผู้ขายสามารถเก็บเงิน และโอนเงินเข้าบัญชี
บริษัท อัตโนมัติ
4.ไม่ต้องมีพนักงานนั่งประจำ เพราะสามารถให้บริการแบบอัตโนมัติได้ ประหยัดค่าพิมพ์เอกสาร
แนะนำสินค้า
5.สามารถเปิดขายได้ตลอด 7วัน ๆ ละ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดและตอบสนองนักลงทุนได้ทุกระดับ
ข้อ 3 ให้นักศึกษาข้อจำกัดของการค้าแบบออนไลน์หรือ E-Commerce มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1.ความไม่ปลอดภัยของข้อมูล
2.ความเสี่ยงในการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ต
3.ขาดความรู้ด้านกฎหมายการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
4.ขาดความรู้เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต
5.ผู้ซื้อไม่มั่นใจเรื่องการเก็บรักษาความลับทางธุรกิจ
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และความหมายของระบบเครือข่าย
ระบบเครือข่าย
การประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ในสมัยแรกมีจุดประสงค์ เพื่อจะให้คอมพิวเตอร์ทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ เช่น การคำนวณเลข เพราะคอมพิวเตอร์สามารถคำนวณได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีความแม่นยำและมีความผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์ การทำงานนั้นถ้าจะให้มีประสิทธิภาพสูงจะต้องทำเป็นหมู่คณะ หรือทีมเวิร์ค (Teamwork) คอมพิวเตอร์ก็เช่นกันหากทำการเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย ก็ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำงานแบบเดี่ยว ๆ การทำงานเป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์นี้จะเรียกว่า “เครือข่าย” (Network)
ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หรือจะเรียกสั้น ๆ ว่า ระบบเครือข่าย(Network) ประกอบไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องที่สามารถติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การติดต่อจะผ่านทางช่องการสื่อสารต่าง ๆ เช่น สายโทรศัพท์ สายไฟฟ้า หรือผ่านทางสื่อแบบอื่น ๆ ได้แก่ โมเด็ม (Modem) ไมโครเวฟ (Microwave) สัญญาณอินฟราเรด (Infrared) เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปจะหมายถึง การที่เรานำเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่องมาเชื่อมต่อกัน วัตถุประสงค์ที่ต้องต่อกันนี้ มักเกิดจากความต้องการที่จะใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน เช่น ใช้เนื้อที่เก็บข้อมูลในดิสก์ร่วมกัน ใช้งานเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่มีอยู่เครื่องเดียวร่วมกัน ต้องการส่งข้อมูลให้กับบุคคลอื่นในระบบไปใช้งาน หรือต้องการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน เป็นต้น
ฉะนั้น ระบบเครือข่าย Network คือ ระบบที่นำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC หรือ Personal Computer) แต่ละเครื่องมาต่อเชื่อมกันด้วยกลวิธีทางระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง
ระบบเครือข่าย
การประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ในสมัยแรกมีจุดประสงค์ เพื่อจะให้คอมพิวเตอร์ทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ เช่น การคำนวณเลข เพราะคอมพิวเตอร์สามารถคำนวณได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีความแม่นยำและมีความผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์ การทำงานนั้นถ้าจะให้มีประสิทธิภาพสูงจะต้องทำเป็นหมู่คณะ หรือทีมเวิร์ค (Teamwork) คอมพิวเตอร์ก็เช่นกันหากทำการเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย ก็ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำงานแบบเดี่ยว ๆ การทำงานเป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์นี้จะเรียกว่า “เครือข่าย” (Network)
ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หรือจะเรียกสั้น ๆ ว่า ระบบเครือข่าย(Network) ประกอบไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องที่สามารถติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การติดต่อจะผ่านทางช่องการสื่อสารต่าง ๆ เช่น สายโทรศัพท์ สายไฟฟ้า หรือผ่านทางสื่อแบบอื่น ๆ ได้แก่ โมเด็ม (Modem) ไมโครเวฟ (Microwave) สัญญาณอินฟราเรด (Infrared) เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปจะหมายถึง การที่เรานำเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่องมาเชื่อมต่อกัน วัตถุประสงค์ที่ต้องต่อกันนี้ มักเกิดจากความต้องการที่จะใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน เช่น ใช้เนื้อที่เก็บข้อมูลในดิสก์ร่วมกัน ใช้งานเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่มีอยู่เครื่องเดียวร่วมกัน ต้องการส่งข้อมูลให้กับบุคคลอื่นในระบบไปใช้งาน หรือต้องการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน เป็นต้น
ฉะนั้น ระบบเครือข่าย Network คือ ระบบที่นำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC หรือ Personal Computer) แต่ละเครื่องมาต่อเชื่อมกันด้วยกลวิธีทางระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง
ประเภทของระบบเครือข่าย
ประเภทของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรือ LAN)
เป็นเครือข่ายระยะใกล้ ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่กว้างนัก อาจอยู่ในองค์กรเดียวกัน หรืออาคารที่ใกล้กัน เช่น ภาพในสำนักงาน ภายในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ระบบเครือข่ายท้องถิ่นจะช่วยให้ติดต่อกันได้สะดวก ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ
2. เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network หรือ MAN)
เป็นเครือข่ายขนาดกลาง ใช้ภายในเมือง หรือจังหวัดที่ใกล้เคียงกัน เช่น ระบบเคเบิลทีวีที่มีสมาชิกตามบ้านทั่วไปที่เราดูกันอยู่ทุกวันก็จัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ MAN
3. เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network หรือ WAN)
เป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ใช้ติดตั้งบริเวณกว้าง มีสถานีหรือจุดเชื่อมต่อมากมาย มากกว่า 1 แสนจุด ใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ระบบคลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ หรือดาวเทียม
ประเภทของเครือข่ายแบ่งตามหน้าที่ของคอมพิวเตอร์
เครือข่ายทั้งสองประเภทคือ เครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ และเครือข่ายแบบไคลเอนท์ เซิร์ฟเวอร์นั้นมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของเครือข่าย สิ่งที่ต้องพิจารณามีดังนี้
1. จำนวนผู้ใช้ หรือจำนวนคอมพิวเตอร์
2. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
3. การดูแลและจัดการระบบ
4. ปริมาณข้อมูลที่รับส่งผ่านเครือข่าย
5. ความต้องการใช้ทรัพยากรเครือข่ายของผู้ใช้แต่ละคน
6. งบประมาณ
หน้าที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายยังแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- เซิร์ฟเวอร์ (Server) คือคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการต่างๆ ให้แก่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
- ไคลเอนท์ (Client) คือคอมพิวเตอร์ที่เข้าไปใช้บริการต่างๆ ของเซิร์ฟเวอร์
1. เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรือ LAN)
เป็นเครือข่ายระยะใกล้ ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่กว้างนัก อาจอยู่ในองค์กรเดียวกัน หรืออาคารที่ใกล้กัน เช่น ภาพในสำนักงาน ภายในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ระบบเครือข่ายท้องถิ่นจะช่วยให้ติดต่อกันได้สะดวก ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ
2. เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network หรือ MAN)
เป็นเครือข่ายขนาดกลาง ใช้ภายในเมือง หรือจังหวัดที่ใกล้เคียงกัน เช่น ระบบเคเบิลทีวีที่มีสมาชิกตามบ้านทั่วไปที่เราดูกันอยู่ทุกวันก็จัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ MAN
3. เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network หรือ WAN)
เป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ใช้ติดตั้งบริเวณกว้าง มีสถานีหรือจุดเชื่อมต่อมากมาย มากกว่า 1 แสนจุด ใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ระบบคลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ หรือดาวเทียม
ประเภทของเครือข่ายแบ่งตามหน้าที่ของคอมพิวเตอร์
เครือข่ายทั้งสองประเภทคือ เครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ และเครือข่ายแบบไคลเอนท์ เซิร์ฟเวอร์นั้นมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของเครือข่าย สิ่งที่ต้องพิจารณามีดังนี้
1. จำนวนผู้ใช้ หรือจำนวนคอมพิวเตอร์
2. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
3. การดูแลและจัดการระบบ
4. ปริมาณข้อมูลที่รับส่งผ่านเครือข่าย
5. ความต้องการใช้ทรัพยากรเครือข่ายของผู้ใช้แต่ละคน
6. งบประมาณ
หน้าที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายยังแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- เซิร์ฟเวอร์ (Server) คือคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการต่างๆ ให้แก่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
- ไคลเอนท์ (Client) คือคอมพิวเตอร์ที่เข้าไปใช้บริการต่างๆ ของเซิร์ฟเวอร์
อินเตอร์เน็ต หมายถึง
อินเตอร์เน็ต หมายถึงอินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์นานาชาติ ที่มีสายตรงเชื่อมต่อไปยังสถาบันหรือหน่วยงานต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก. ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ทางอีเมล์ สามารถสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้. อย่างไรก็ตาม มีผู้เปรียบเทียบว่า อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนทางหลวงระหว่างประเทศ แต่ละประเทศจะต้องมีถนนเข้ามาเชื่อมต่อเข้าไปในประเทศ กล่าวคือ จะต้องมีเครือข่ายภายในรับช่วงต่ออีกทอดหนึ่ง (เช่น เครือข่ายภายในมหาวิทยาลัย, องค์กร หรือเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต) มิฉะนั้นก็จะใช้ไม่ได้ผล
ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต
1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(Electronic mail=E-mail) เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ และแนบไฟล์ไปได้
2. เทลเน็ต(Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรียกข้อมูลจากโรงเรียนมาทำที่บ้านได้
3. การโอนถ่ายข้อมูล(File Transfer Protocol ) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง
4. การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้
5. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น(Usenet) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
6. การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม
7. การซื้อขายสินค้าและบริการ(E-Commerce = Electronic Commerce) เป็นการซื้อ - สินค้าและบริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต
8. การให้ความบันเทิง (Entertain) บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบต่างๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต
1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(Electronic mail=E-mail) เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ และแนบไฟล์ไปได้
2. เทลเน็ต(Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรียกข้อมูลจากโรงเรียนมาทำที่บ้านได้
3. การโอนถ่ายข้อมูล(File Transfer Protocol ) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง
4. การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้
5. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น(Usenet) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
6. การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม
7. การซื้อขายสินค้าและบริการ(E-Commerce = Electronic Commerce) เป็นการซื้อ - สินค้าและบริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต
8. การให้ความบันเทิง (Entertain) บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบต่างๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
GooGle Map
Google Maps คืออะไร
Google Maps คือบริการของ Google ที่ให้บริการเทคโนโลยีด้านแผนที่ประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และข้อมูลของธุรกิจในท้องถิ่น ได้แก่ ที่ตั้งของธุรกิจ รายละเอียดการติดต่อ และเส้นทางการขับขี่ ด้วย Google Maps คุณจะเพลิดเพลินไปกับคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
Google Maps ใช้ได้ทุกที่หรือไม่
Google Maps คือบริการที่รวมเอาแผนที่ การค้นหาธุรกิจในท้องถิ่น ภาพถ่ายจากดาวเทียม การค้นหาในระดับถนน และเส้นทางการขับขี่เข้าไว้ด้วยกัน ในปัจจุบัน Google Maps รุ่นที่มีความสามารถครบถ้วนสมบูรณ์มีให้บริการในประเทศต่างๆ
ฉันสามารถดู Google Maps ในภาษาอื่นได้หรือไม่
Google Maps จะแสดงชื่อของสถานที่โดยอัตโนมัติเป็นภาษาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ ในขณะที่ไม่สามารถเปลี่ยนภาษาสำหรับชื่อของสถานที่ได้ แต่คุณสามารถค้นหาเมืองสำคัญและที่ตั้งในภาษาอื่นๆ ได้หลายภาษา ตัวอย่างเช่น การค้นหาคำว่า [ München ] และการค้นหาคำว่า [ Munich ] จะนำคุณไปยังที่ตั้งเดียวกันที่แสดงเป็นชื่อในภาษาท้องถิ่น
เว็บเบราว์เซอร์ใดบ้างที่ Google Maps รองรับ
- IE 6.0+ (ดาวน์โหลด: Windows)
- Firefox 0.8+ (ดาวน์โหลด: Windows Mac Linux)
- Safari 1.2.4+ (ดาวน์โหลด: Mac)
- Netscape 7.1+ (ดาวน์โหลด: Windows Mac Linux)
- Mozilla 1.4+ (ดาวน์โหลด: Windows Mac Linux)
- Opera 8.02+ (ดาวน์โหลด: Windows Mac Linux)
ความสามารถของ Google maps กับงานช่าง และงานท้องถิ่น
1. สามารถใช้วางแผนการเดินทางได้
2. สามารถตรวจสอบระยะทางถนนได้
3. สามารถตรวจสอบความกว้างยาว ของพื้นที่ ต่างๆ ได้
4. สามารถตรวจสอบเนื้อที่ ของพื้นที่ ที่เราต้องการได้
5. สามารถนำแผนที่ไปใช้งานได้ในเว็บของเราเอง เช่นกำหนดที่ตั้งของ อบต.
6. สามารถประยุกต์สร้างฐานข้อมูลเพื่อการใช้งานเช่น ระบบแผนที่ภาษีได้
1. สามารถใช้วางแผนการเดินทางได้
2. สามารถตรวจสอบระยะทางถนนได้
3. สามารถตรวจสอบความกว้างยาว ของพื้นที่ ต่างๆ ได้
4. สามารถตรวจสอบเนื้อที่ ของพื้นที่ ที่เราต้องการได้
5. สามารถนำแผนที่ไปใช้งานได้ในเว็บของเราเอง เช่นกำหนดที่ตั้งของ อบต.
6. สามารถประยุกต์สร้างฐานข้อมูลเพื่อการใช้งานเช่น ระบบแผนที่ภาษีได้
วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
คำศัพท์ของการวิเคราะห์และออกแบบระบบ
Natural Determination | วิธีธรรมดา |
Methodology Determination | วิธีการทางวิทยาศาสตร์ |
System Analysis and Design | การวิเคราะห์และออกแบบระบบ |
Requirements | การหาความต้องการ |
System Analyser | นักวิเคราะห์ระบบ |
Programmer | โปรแกรมเมอร์ |
Operating System : OS | ระบบปฏิบัติงาน |
Application System | ระบบงาน |
Screen Design | การออกแบบหน้าจอ |
System Follow Up and Maintenance | การติดตามผลและการบำรุงรักษาระบบ |
Information System | ระบบงานข้อมูล |
Feasibility Study | ความเป็นไปได้ของระบบ |
Alternative Solution | กำหนดทางเลือกต่างๆที่เป็นไปได้ |
User Interfaces | การติดต่อระหว่างผู้ใช้ระบบกับคอมพิวเตอร์ |
Security | ระบบรักษาความปลอดภัย |
Control | การควบคุม |
People | คน |
Method | วิธีการ |
Computer Technology | คอมพิวเตอร์เทคโนโลยี |
Data | ข้อมูล |
Break Even Analysis | การวิเคราะห์ความคุ้มทุน |
Performance Analysis | การวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงาน |
Documentation | การเขียนเอกสารและรายงาน |
Cause and Effects | การหาเหตุและผล |
Strong and Weak Point | จุดแข็งและจุดอ่อน |
Interview | สัมภาษณ์ |
Presentation | การอธิบายหรือชี้แจงในที่ประชุม |
Listening | การับฟัง |
Group Work Team | การทำงานเป็นกลุ่ม |
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)



